ในการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จำเป็นจะต้องมีการกำหนดหมายเลข IP Address ให้กับคอมพิวเตอร์ ซึ่ง ISP จะเป็นผู้กำหนด IP Address ให้กับผู้ใช้แต่ละคนโดยไม่ซ้ำกัน เพื่อใช้ในการระบุตัวตนของผู้ใช้ และปกติแล้วมักจะเป็นหมายเลขแบบสุ่ม แต่ในปัจจุบันมีผู้ใช้จำนวนมากจนทำให้หมายเลข IP ไม่เพียงพอต่อการแจกจ่าย จึงจำเป็นต้องนำเทคโนโลยี NAT เข้ามาช่วยจัดการ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหานี้
?
NAT ย่อมาจาก Network Address Translation เป็นวิธีที่ใช้สำหรับการสร้างตารางการจับคู่ของ IP แบบสุ่ม เช่น องค์กรมีคอมพิวเตอร์ 50 เครื่องที่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต และมี Registered IP จาก ISP 2 หมายเลข การทำ NAT แบบสุ่ม จะทำการตรวจสอบก่อนว่ามี IP ใดว่างให้ใช้งานบ้าง แล้วจึงให้เรียกใช้ IP นั้น ซึ่งการทำ NAT สามารถใช้ทำได้กับอุปกรณ์ที่เรียกว่า Router หรือ Firewall
หลักการทำงานของ NAT นั้นจะต้องมีการกำหนด IP ภายในหรือ private IP เช่น 192.168.0.1 ซึ่งเป็น IP ที่ไม่สามารถใช้บนอินเทอร์เน็ตได้ จากนั้น NAT จะแปลง private IP ให้เป็น Registered IP เพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การทำ NAT ปกติแล้วจะพบได้ตามองค์กรหรือหน่วยงานที่มีคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนมาก เช่น โรงเรียน ธนาคาร หรือร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะทำให้คอมพิวเตอร์ทั้งหมดเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้แล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอีกด้วย