เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั้นถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยสามารถแบ่งออกเป็นยุคของคอมพิวเตอร์ได้ 5 ยุค หรือ 5 ช่วงเวลาด้วยกัน
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 (ค.ศ. 1945 – 1958)
ยุคของคอมพิวเตอร์ยุคแรกนี้เป็นยุคที่คอมพิวเตอร์ใช้หลอดสุญญากาศซึ่งใช้กำลังไฟฟ้าสูง พบว่ามีปัญหาเรื่องความร้อนสูงและไส้หลอดขาดบ่อย ถึงแม้จะมีการติดตั้งระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงก็ตาม ในด้านของการสั่งงานนั้นใช้ภาษาเครื่องซึ่งเป็นภาษาหรือรหัสตัวเลขที่ค่อนข้างซับซ้อน เครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคแรกนี้มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร เช่น เครื่องมาร์ควัน (MARK I), อีนิแอค (ENIAC) และยูนิแวค (UNIVAC) เป็นต้น
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 2 (ค.ศ. 1959 – 1963)
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 2 นี้ เป็นยุคที่เริ่มมีการใช้ทรานซิสเตอร์เข้ามาแทนหลอดสุญญากาศ โดยใช้แกนเฟอร์ไรท์ (Ferrite หรือ แร่เหล็ก) เป็นหน่วยความจำ และมีอุปกรณ์สำหรับเก็บข้อมูลแบบแม่เหล็ก เช่น จานแม่เหล็ก ส่วนทางด้านซอฟต์แวร์ก็มีการพัฒนามาใช้ภาษาระดับสูงขึ้น สามารถเข้าใจได้ง่ายและไม่ซับซ้อนมากเหมือนคอมพิวเตอร์ยุคแรก เช่น ภาษาฟอร์แทรน (Fortran) ภาษาโคบอล (COBOL) เป็นต้น โดยที่ในปัจจุบันก็ยังมีการใช้ภาษาฟอร์แทรนและภาษาโคบอลกันอยู่อย่างกว้างขวาง
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 3 (ค.ศ. 1965 – 1970)
ยุคของคอมพิวเตอร์ยุคที่ 3 นี้ ระบบคอมพิวเตอร์ได้หันมาใช้วงจรไอซี ซึ่งเป็นสารกึ่งตัวนำที่สามารถบรรจุวงจรกึ่งตัวนำนี้ได้เป็นจำนวนมาก แล้วพิมพ์บนแผ่นซิลิคอน (Silicon) ซึ่งเรียกว่าชิป (Chip) ชิบนี้มีขนาดเล็กมากแต่มีประสิทธิภาพสูง จึงทำให้เครื่องในยุคนี้มีขนาดเล็กลงมากเมื่อเทียบกับยุคอื่นๆ ในการเขียนโปรแกรมก็สามารถเขียนชุดคำสั่งด้วยภาษาระดับสูง อีกทั้งยังเริ่มมีการเขียนโปรแกรมสำเร็จรูปขึ้นมาใช้งาน ตัวอย่างเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 3 คือเครื่อง IBM360
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 (ค.ศ. 1971 – 1980)
คอมพิวเตอร์ในยุคที่ 4 นี้ ได้เปลี่ยนจากการใช้วงจรกึ่งตัวนำธรรมดามาเป็นวงจรแบบ LSI หรือ Large-Scale Integrated Circuit กล่าวคือ มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถรวมวงจรไอซีจำนวนมากลงในแผ่นซิลิคอน 1 แผ่น ซึ่งทำให้ขนาดของชิบและเครื่องคอมพิวเตอร์เล็กลงไปอีกมาก อีกทั้งยังสามารถผลิตวงจร VLSI (Very Large Scale Integrated Circuit) ซึ่งมีวงจรอยู่ในชิบมากกว่า 1 ล้านวงจร และด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้เอง ทำให้เกิดแนวความคิดในการบรรจุวงจรที่สำคัญสำหรับการทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ลงในชิปเพียงตัวเดียว ซึ่งก็คือ CPU (Central Processing Unit) นั่นเอง โดยเรียกชิปประเภท VLSI นี้ว่าไมโครโปรเซสเซอร์ (Microprocessor) ตัวอย่างเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 4 ได้แก่ IBM 370 และไมโครคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกที่ใช้ Microprocessor คือ Altair 8800 และเครื่อง Apple II
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 5 (ค.ศ. 1981 – ปัจจุบัน)
ยุคของคอมพิวเตอร์ยุคนี้คือยุคปัจจุบันนั่นเอง มีการพัฒนาวงจร VLSI หรือไมโครโปรเซสเซอร์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น บรรจุวงจรได้มากขึ้น มีขนาดเล็กลง มีความเร็วในการประมวลผลสูงขึ้นอย่างมาก อีกทั้งยังมีการการพัฒนาภาษาคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใหม่อีกหลายภาษา ซึ่งล้วนแต่เป็นภาษาที่เข้าใจง่าย สามารถสื่อสารกับคนได้โดยตรง มีการพัฒนาหน่วยความจำที่มีขนาดใหญ่ มีหน่วยสำรองข้อมูลขนาดมหึมา มีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลขึ้นมาใช้งาน รวมถึงมีการพัฒนาภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการสื่อสารและเป็นต้นกำเนิดของระบบอินเตอร์เน็ตที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
จากข้อมูลยุคของคอมพิวเตอร์ทั้ง 5 ยุคข้างต้น ทำให้เราเห็นความเจิรญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการพยายามค้นคว้าหาสิ่งที่ดีกว่าของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตได้เป็นอย่างดี ทำให้คอมพิวเตอร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเราจนแยกกันแทบไม่ออกเลยทีเดียว
อ้างอิง : http://www.thaigoodview.com/node/129887